Logo
เรื่องเล่าเที่ยว

เที่ยวญี่ปุ่น 2026 เช็กอินที่เที่ยวมาแรง พร้อมอับเดตล่าสุด มาตรการท่องเที่ยวใหม่ของญี่ปุ่น

10 พฤศจิกายน 2568
YakTour Blog
เที่ยวญี่ปุ่น 2026 อับเดตที่เที่ยวใหม่

เที่ยวญี่ปุ่น 2026 ปีแห่งการท่องเที่ยวสุดคึกคักที่นักเดินทางทั่วโลกตั้งตารอ! 

ญี่ปุ่นยังคงครองใจด้วยเสน่ห์ครบทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นซากุระ หิมะ หรือใบไม้เปลี่ยนสีสุดโรแมนติก หากใครกำลังสงสัยว่า เที่ยวญี่ปุ่นเดือนไหนดี บทความนี้มีคำตอบครบ พร้อมแนะนำแลนด์มาร์กใหม่ จุดเช็กอินยอดฮิตทั่วประเทศ รวมถึงมาตรการใหม่ ๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องเตรียมตัว ไม่ว่าจะเดินทางเองหรือจองกับ ทัวร์ญี่ปุ่น 2026 ก็วางแผนได้ง่าย ปีนี้มีทั้งสถานที่ใหม่ กิจกรรมเด็ด และเทศกาลใหญ่รอให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวเอง ใครพร้อมแล้วตามไปดูกันเลย!

 

เที่ยวญี่ปุ่น 2026 เดือนไหนดี ?

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สวยงามตลอดทั้งปี แต่ละช่วงเวลามีกิจกรรมและบรรยากาศเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง หรือไปเที่ยวกับทัวร์ก็เลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับสไตล์ของคุณได้เลย

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)

ฤดูแห่งความสดใสและการเริ่มต้นใหม่ อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ย 10–20°C เหมาะกับการเดินเล่นกลางแจ้ง ไฮไลต์คือ เทศกาลชมดอกซากุระ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่ โตเกียว เกียวโต โอซาก้า และฟุกุโอกะ นอกจากนี้ยังมีสวนดอกไม้สวยๆ เช่น Hitachi Seaside Park และ Fuji Shibazakura Festival ใครอยากได้ภาพสวย ๆ ต้องรีบจองตั๋วล่วงหน้า เพราะเป็นช่วงพีคของการ เที่ยวญี่ปุ่น 2026

ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)

อากาศอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ย 25 – 35°C เหมาะกับสายกิจกรรมและผู้ที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นเต็มที่ มีเทศกาลใหญ่แทบทุกเมือง เช่น Hanabi Matsuri (เทศกาลดอกไม้ไฟ), Gion Matsuri ที่เกียวโต และ Nebuta Matsuri ที่อาโอโมริ หากอยากพักผ่อนริมทะเล แนะนำ โอกินาว่า (Okinawa) เกาะสวรรค์น้ำใส เหมาะกับดำน้ำและเล่นน้ำทะเล

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)

ฤดูที่โรแมนติกที่สุดของญี่ปุ่น เพราะใบไม้เปลี่ยนสีแดง เหลือง และส้ม อุณหภูมิเฉลี่ย 10–20°C เหมาะกับคนชอบถ่ายรูปและอากาศเย็นสบาย จุดชมวิวแนะนำได้แก่ เกียวโต นารา นิกโก้ และ ทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ (Fuji Five Lakes) นอกจากนี้ยังมีเทศกาลอาหารท้องถิ่นและผลไม้ตามฤดูกาล ใครชอบบรรยากาศฟิน ๆ สามารถจอง ทัวร์ญี่ปุ่น 2026 ช่วงฤดูใบไม้ร่วงได้เลย

ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)

ฤดูแห่งความโรแมนติกและหิมะขาวโพลน อุณหภูมิเฉลี่ยในเมืองหลัก 2–10°C ส่วนฮอกไกโดอาจต่ำถึง -5 ถึง -10°C เหมาะกับผู้ที่อยากเล่นสกีหรือชมวิวเมืองหิมะ สถานที่ยอดนิยม เช่น ซัปโปโร (Sapporo)นิเซโกะ (Niseko), และ นากาโนะ (Nagano) นอกจากนี้ยังมีเทศกาลหิมะสุดยิ่งใหญ่ เช่น Sapporo Snow Festival และออนเซ็นท่ามกลางหิมะ เที่ยวญี่ปุ่น 2026 แบบหนาวจับใจต้องมาช่วงฤดูหนาว

 

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่น อับเดตใหม่ล่าสุด

ภูมิภาคคันโต (Kanto)

1. โตเกียวสกายทรี ทาวน์ (Tokyo Skytree Town) – โตเกียว

แลนด์มาร์กสูงที่สุดในโตเกียว ชมวิวเมืองแบบพาโนรามาและมองเห็นภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศดี เหมาะกับการเที่ยวแบบวันเดียวจบ มีอควาเรียมให้เด็กๆ และผู้ใหญ่เพลิดเพลินด้วยกัน ใครมา เที่ยวญี่ปุ่น 2026 ต้องไม่พลาดถ่ายรูปมุมสูงอลังการ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่มีไฟประดับสุดตระการตา

ภาพมุมกว้างของโตเกียวสกายทรีและภูเขาไฟฟูจิ โตเกียว

 

2. กระเช้าโยโกฮามะ แอร์แคบิน (Yokohama Air Cabin) – คานางาวะ

กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของโยโกฮามะ ให้มุมมองเหนืออ่าวและเมืองสุดโรแมนติก เหมาะสำหรับทริปวันเดียวสำหรับคนเที่ยวเอง เดินทางสะดวกจากใจกลางเมือง แนะนำมาช่วงเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตกและแสงสีเมือง ช่วงเวลาที่เหมาะคือ มีนาคม – พฤษภาคม รับรองวิวสวยแน่นอน

กระเช้าโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น

 

3. หุบเขาโอวาคุดานิ (Owakudani) – คานากาวะ

หุบเขาไฟในฮาโกเน่ที่ยังคุกรุ่น มีไอน้ำพวยพุ่งและกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ ไฮไลต์คือ ไข่ดำโอวาคุดานิ ที่เชื่อว่ากินแล้วอายุยืน เป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ แนะนำเที่ยวช่วงมีนาคม – พฤศจิกายน อากาศเย็นสบาย เดินเล่นแบบชิลๆ

สัญลักษณ์ของหุบเขาโอวาคุดานิ ประเทศญี่ปุ่น

 

4. Shibuya Sakura Stage – โตเกียว

แลนด์มาร์กใหม่ใจกลางชิบูย่า ศูนย์การค้าและคอมเพล็กซ์ที่มีพื้นที่สีเขียว คาเฟ่ และร้านค้ากว่า 37 แห่ง ไฮไลต์คือจุดถ่ายรูปสุดอาร์ต เช่น โครงสร้างตัว S ขนาดใหญ่ (Shibu S) และพื้นที่จัดแสดงอีเวนต์หมุนเวียน เหมาะสำหรับนักช้อปและสายอัปเดตเทรนด์ เที่ยวญี่ปุ่น 2026

Shibuya Sakura Stage ใจกลางโตเกียว ญี่ปุ่น

 

 ภูมิภาคคันไซ (Kansai)

5. ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน (Universal Studios Japan) - โอซาก้า

สวนสนุกระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาพร้อมธีมภาพยนตร์และโซน Super Nintendo World ไฮไลต์ปี 2026 คือโซน Donkey Kong Country และเครื่องเล่นใหม่ Mine Cart Madness USJ ที่จำลองการนั่งรถรางกระโดดข้ามรางเหมือนในวิดีโอเกมอย่างตื่นเต้น นอกจากนี้ USJ ยังจัดอีเวนต์ตามฤดูกาล เช่น Universal Cool Japan และ Halloween Horror Nights

เครื่องเล่นใหม่ Mine Cart Madness ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ญี่ปุ่น

 

6. ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove) – เกียวโต

หนึ่งในทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงามและมีเอกลักษณ์ที่สุดของเกียวโต เป็นทางเดินสายป่าไผ่ที่ทอดยาวทามกลางกอไผ่สูงเสียดฟ้า บรรยากาศสงบและร่มรื่น เสียงใบไผ่เสียดสีกันได้รับการยกย่องเป็น "100 เสียงแห่งญี่ปุ่น" ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ สถานที่นี้เหมาะสำหรับถ่ายภาพและเดินเล่นเพื่อสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ  สถานที่นี้เที่ยวได้ตลอดปี แนะนำไปช่วงเช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนค่ะ

เส้นทางป่าไผ่อาราชิยามะ ประเทศญี่ปุ่น

 

7. ปราสาทโอซาก้า ไนท์อิลลูมิเนชัน (Osaka Castle Night Illumination) – โอซาก้า

ปราสาทโอซาก้าที่ปรับไฟประดับรอบสวนใหม่ แสงไฟสะท้อนน้ำรอบปราสาทให้บรรยากาศโรแมนติก เหมาะกับคู่รักและนักถ่ายรูป แนะนำมาเที่ยวช่วงธันวาคม – กุมภาพันธ์

ปราสาทโอซาก้า ไนท์อิลลูมิเนชัน (Osaka Castle Night Illumination)

 

8. สวนกวางนารา (Nara Deer Park) – นารา

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ เป็นที่อยู่ของกวางกว่า 1,200 ตัว ซึ่งถูกยกย่องเป็น ทูตสวรรค์ของเทพเจ้าตามความเชื่อของชินโต ไฮไลต์คือการป้อนขนมกวาง (Shika Senbei) ที่เป็นมิตรและอาจโค้งคำนับขออาหารจากนักท่องเที่ยวอีกด้วย ที่นี่อยู่ใกล้วัดโคฟุจิและวัดโทไดจิที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เหมาะกับคนชอบวัฒนธรรมโบราณและธรรมชาติ แนะนำเที่ยวช่วงตุลาคม – พฤศจิกายน เพราะอากาศเย็นสบายและถ้ามาช่วงนี้จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วยค่ะ

สวนกวางนารา ในประเทศญี่ปุ่น

 

9. ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) – เฮียวโกะ

ปราสาทมรดกโลกที่ได้รับยกย่องว่างดงามที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยรูปลักษณ์สีขาวราวกับนกกระยาง ทำให้ได้ฉายาว่า "ปราสาทนกกระยางขาว" ยังเป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ไม่ถูกสงครามทำลาย เหมาะกับ ทำให้ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และเป็นจุดหมายที่สำคัญสำหรับ เที่ยวญี่ปุ่น 2026 ความงามของปราสาทเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี สำหรับใครที่กำลังวางแผนมาเที่ยวปราสาทฮิเมจิ ในปี 2026 ควรตรวจสอบมาตรการ Dual Pricing (ราคาคู่) ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง

 

ปราสาทฮิเมจิ ประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางต้นซากุระ

 

ภูมิภาคชูบุ (Chubu)

10. จิบลิ พาร์ก (Ghibli Park) -  ไอจิ 

สวนสนุกธีมสตูดิโอจิบลิที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิ นำโลกจินตนาการมาสู่พื้นที่ธรรมชาติและยังคงมีการเปิดโซนใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ไฮไลต์คือโซน Valley of Witches ที่มีปราสาทเคลื่อนที่สูง 20 เมตรจาก Howl's Moving Castle และโซน Ghibli's Grand Warehouse ที่รวบรวมฉากถ่ายรูปไอคอนิก สถานที่นี้ตอบโจทย์แฟนๆ อนิเมะทั่วโลก ช่วงเวลาแนะนำคือ ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นสบาย วิวสวย

จิบลิ พาร์ก Ghibli Park ประเทศญี่ปุ่น

 

11. ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) – ยามานาชิ

จุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิยอดนิยม มีเส้นทางเดินรอบทะเลสาบและจุดถ่ายภาพหลายมุม ไฮไลต์ปี 2026 คือมุมถ่ายรูปใหม่ๆ และคาเฟ่ริมทะเลสาบ เปิดให้บริการตลอดปี แนะนำมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิชมซากุระบาน หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็สวยไม่แพ้กัน

ทิวทัศน์ทะเลสาบคาวากุจิโกะและภูเขาไฟฟูจิในฤดูใบไม้ร่วง

 

12. หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) – กิฟุ

หมู่บ้านหลังคาฟางสุดคลาสสิก รีโนเวตเส้นทางเดินและเพิ่มจุดชมวิวใหม่ มีโซนไฟประดับช่วงปีใหม่ปี 2026 ให้บรรยากาศเทพนิยาย เหมาะสำหรับสายถ่ายภาพและอยากสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม แนะนำเที่ยวช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ เพื่อชมหิมะและไฟประดับสวยงามอลังการ

บรรยากาศชิราคาวาโกะยามค่ำคืน

 

13. เส้นทางเทือกเขาแอลป์ ทาเตยามะ คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine Route) – โทยามะ

เส้นทางชมวิวหิมะและภูเขาที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไฮไลต์คือ ไฮไลต์คือการเดินผ่าน กำแพงหิมะ (Snow Wall) ที่สูงตระหง่าน ปี 2026 เพิ่มจุดชมวิว Snow Wall Panorama สำหรับทิวทัศน์หิมะและภูเขาสูงสุดตระการตา แนะนำช่วงเมษายน – มิถุนายน (ช่วงเปิดให้ชมกำแพงหิมะ)

กำแพงหิมะ เทือกเขาแอลป์ทาเตยามะ ประเทศญี่ปุ่น

 

14. อุทยานแห่งชาติคะมิโคจิ (Kamikochi National Park) – นากาโนะ

อุทยานแห่งชาติที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และวิวเทือกเขาแอลป์สุดอลังการ ได้รับสมญานาม “สวิตเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น” มี สะพานคัปปะบาชิ (Kappa Bridge) เป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำใสและป่าสน  เหมาะสายเทรคกิ้งและถ่ายภาพ ช่วงเวลาที่แนะนำคือพฤษภาคม – ตุลาคม

ทิวทัศน์ในฤดูใบไทม้เปลี่ยนสีในคามิโคจิ ประเทศญี่ปุ่น

 

15. ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) – นากาโนะ

ปราสาทเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติและเป็นหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมไม่กี่แห่งที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ สีดำสนิทสวยสง่า มีชื่อเสียงจากรูปลักษณ์ภายนอกซึ่งเป็นอาคารสีดำสนิทสวยงามสง่า โอบล้อมด้วยคูน้ำและสวน ภายในมีประวัติศาสตร์ซามูไรให้เรียนรู้ และเป็นจุดถ่ายภาพตลอดปี โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง

ปราสาทมัตสึโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น

 

ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)

16. ปีศาจหิมะ ภูเขาซะโอะ (Zao Snow Monsters) – ยามากาตะ

ภูเขาซะโอะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ปีศาจหิมะ" เนื่องจากต้นไม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นรูปร่างแฟนตาซีแปลกตา ไฮไลต์คือการนั่งกระเช้าชมปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดตระการตานี้ พร้อมเส้นทางสกีและจุดชมวิวใหม่ที่เปิดให้บริการ ช่วงเวลาแนะนำคือ ธันวาคม – กุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่หิมะหนาแน่นที่สุดและมีกิจกรรมสกีให้เล่นอย่างสนุกสนาน

ปีศาจหิมะภูเขาซะโอะ ประเทศญี่ปุ่น

 

17. หมู่บ้านกินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen Village) – ยามากาตะ

หมู่บ้านออนเซ็นริมแม่น้ำที่สวยงามราวกับภาพวาด ด้วยอาคารไม้สไตล์เรโทรสมัยไทโชที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ไฮไลต์คือบรรยากาศสุดโรแมนติกยามค่ำคืนเมื่อแสงไฟจากตะเกียงแก๊สส่องสะท้อนกับแม่น้ำและหิมะที่ปกคลุมในช่วงฤดูหนาว แนะนำให้มาช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ค่ะ

หมู่บ้านกินซันออนเซ็น ปกคลุมด้วยหิมะในหน้าหนาว

 

ภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido)

18. ฟุราโนะ (Furano) – ฮอกไกโด

ฟุราโนะมีชื่อเสียงระดับโลกจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งของ Ningle Terrace (หมู่บ้านกระท่อมไม้ในป่า) และเป็นแหล่งผลิตไวน์และชีสคุณภาพดีที่ควรแวะชิม เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสความงามสงบของธรรมชาติและประสบการณ์ Slow Travel ช่วงเวลาแนะนำคือ มิถุนายน – กรกฎาคม เพราะเป็นช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บานเต็มทุ่งและอากาศดีที่สุด

ทุ่งลาเวนเดอร์ ในจังหวัดฟุราโนะ ประเทศญี่ปุ่น

 

19. บิเอะ (Biei) – ฮอกไกโด

เมืองชนบทที่ขึ้นชื่อด้านทัศนียภาพ "เนินเขาพาโนรามา" ที่มีฟาร์มเกษตรกรรมสลับซับซ้อนสวยงามเหมือนภาพวาด ไฮไลต์คือ สระน้ำสีฟ้า (Blue Pond) ที่มีสีฟ้าเทอร์ควอยซ์อันเป็นเอกลักษณ์ ช่วงเวลาแนะนำคือ เดือนมิถุนายน – กันยายน จะเป็นช่วงที่ทุ่งดอกไม้อุดมสมบูรณ์ และ ฤดูหนาว เพื่อมาชมสระน้ำสีฟ้าท่ามกลางหิมะ

เนินเขาพาโนรามาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ในบิเอะ

 

20. คลองโอตารุ (Otaru Canal) – ฮอกไกโด

เมืองท่าบรรยากาศโรแมนติกที่โดดเด่นด้วยคลองสายประวัติศาสตร์และอาคารสไตล์ตะวันตกยุคเก่า ไฮไลต์คือการล่องเรือชมคลองยามค่ำคืนที่แสงตะเกียงส่องระยิบระยับ และถนนซาไคมัตจิที่เต็มไปด้วยร้านเครื่องแก้วและขนมดัง ที่นี่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเทศกาลหิมะเดือนกุมภาพันธ์บรรยากาศจะโรแมนติกเป็นพิเศษ

 

คลองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น ในหน้าหนาว

 

มาตรการใหม่สำหรับการเที่ยวญี่ปุ่น 2026

ปี 2026 ถือเป็นปีแห่งการปรับตัวครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อรับมือกับปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวล้นทะลัก และเพิ่มความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว รวมถึงระบบ Dual Pricing ที่อาจทำให้ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนไป ผู้ที่กำลังวางแผนเดินทางต้องอัปเดตกฎและแนวโน้มใหม่เหล่านี้ เพื่อให้ทริปของคุณคุ้มค่าและราบรื่นที่สุด

1. สิ้นสุด Tax-Free

นโยบายการช้อปปิ้งกำลังจะเปลี่ยนไป! ญี่ปุ่นมีแผนที่จะยกเลิกการซื้อสินค้าแบบปลอดภาษี (Tax-Free) ณ จุดขายที่ร้านค้า และเปลี่ยนไปใช้ระบบ Tax Refund (ขอคืนภาษี) แทน ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องจ่ายเต็มราคารวมภาษีที่ร้านค้าก่อน จากนั้นนำใบเสร็จและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปทำเรื่องขอคืนภาษีที่จุดบริการในสนามบินก่อนเดินทางกลับ 

ข้อแนะนำ: การเปลี่ยนระบบนี้จะทำให้คุณต้องเผื่อเวลาเพิ่มขึ้นที่สนามบินอย่างน้อย 30–60 นาทีเพื่อดำเนินการขอคืนภาษีให้ทันเวลา (คาดว่าจะเริ่มใช้มาตรการ Tax Refund ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2026 เป็นต้นไป)

2. ระบบราคาคู่ (Dual Pricing)

เพื่อนำรายได้ไปใช้ในการบำรุงรักษาสถานที่และพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น แหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งเริ่มใช้มาตรการ ระบบราคาคู่ (Dual Pricing) โดยจะกำหนดค่าเข้าชมหรือบริการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในอัตราที่สูงกว่าคนญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น สถานที่ยอดฮิตบางแห่ง เช่น ปราสาทฮิเมจิ อาจนำระบบนี้มาใช้อย่างชัดเจน

3.การจองล่วงหน้าและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว

ปัญหาความแออัดนำไปสู่การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ยอดนิยม และสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น เส้นทางปีนเขาภูเขาไฟฟูจิ (Yoshida Trail) ได้เริ่มกำหนดจำนวนผู้เข้าชมต่อวันและบังคับให้ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด, ย่าน กิออน (Gion) ในเกียวโต มีมาตรการห้ามนักท่องเที่ยวเข้าสู่ถนนบางซอย เพื่อป้องกันการละเมิดมารยาทและลดผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น สำหรับผู้ที่วางแผน เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง หรือเดินทางกับ ทัวร์ญี่ปุ่น 2026 ต้องตรวจสอบและจองตั๋วเข้าชมหรือลงทะเบียนสำหรับสถานที่ยอดฮิตล่วงหน้าหลายเดือน เพื่อเป็นการรับประกันสิทธิ์ในการเข้าชมและทำให้ทริปไม่สะดุด

4. ค่าใช้จ่ายโดยรวมที่สูงขึ้น

แม้ว่าในปัจจุบันหลายคนจะมองว่าการท่องเที่ยวญี่ปุ่นคุ้มค่าขึ้นจากภาวะเงินเยนที่อ่อนตัวลง แต่ในความเป็นจริง ผู้ประกอบการญี่ปุ่นต้องเผชิญกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคานำเข้าวัตถุดิบและพลังงาน ทำให้ปรับขึ้นราคาบริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลกระทบคือ ค่าใช้จ่ายโดยรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะค่าที่พักในเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างโตเกียว เกียวโต และโอซาก้า รวมถึงค่าเข้าชมสถานที่และตั๋วบริการบางประเภทที่อาจปรับตามระบบราคาคู่และภาวะเงินเฟ้อที่สะสมมา

ข้อแนะนำ

  • จองที่พักล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วง High Season (ซากุระ/ใบไม้เปลี่ยนสี) เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
  • พิจารณาใช้บัตรโดยสารแบบคุ้มค่า เช่น JR Pass หรือ Regional Pass เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
  • หาที่พักนอกเมืองหลัก เช่น หากเที่ยวโอซาก้า ลองพักในเมืองใกล้เคียงอย่างนารา (Nara) หรือโกเบ (Kobe) ซึ่งมักมีราคาถูกกว่า

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่ควรรู้ก่อน เที่ยวญี่ปุ่น 2026 สำหรับใครต้องการความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเส้นทางไหน การซื้อ ทัวร์ญี่ปุ่น กับบริษัททัวร์ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ต้องวางแผน จัดการเอกสารต่างๆ ให้ยุ่งยาก 

อย่ารอช้า เก็บกระเป๋าให้พร้อม แล้วไปเที่ยวญี่ปุ่นกับยักษ์ทัวร์กันเถอะ!

 


จองทัวร์กับยักษ์ทัวร์วันนี้ พร้อมโปรพิเศษ แอดมาเลยที่ Line @yaktour

Line Official Account | @yaktour  👉 https://lin.ee/NLwXWc1
 

ไม่พลาดเรื่องเที่ยว และดีลเด็ด ติดตามยักษ์ทัวร์ได้ทุกช่องทาง

Facebook | yaktourgroup 👉 https://shorturl.at/ov7AJ

Instagram | @yaktour_th 👉 https://shorturl.at/2uS64

TikTok | @yaktourgroup 👉 https://shorturl.at/DMF90

Youtube | @yaktour 👉 https://shorturl.at/VFWok
 

 

แชร์บทความนี้

บอกเพื่อนๆ ถึงเรื่องราวดีๆ จาก YakTour

Copyright © 2025. All rights reserved.